SM Entertainment กับการใช้เทคโนโลยีส่งเสริม K-POP เพื่อสร้างประสบการณ์เหนือชั้นกับแฟนคลับ

ถ้าพูดถึงความหมายของวัฒนธรรมหลายคนอาจนึกถึงความเก่าแก่ที่ส่งต่อกันมาหลายร้อยปี แต่สำหรับเกาหลีใต้นั้นได้สร้างหนึ่งวัฒนธรรมขึ้นใหม่ที่ไม่มีใครไม่รู้จัก เกริ่นอย่างนี้แล้วจะต้องมีคำว่า K-Pop ผุดขึ้นมาในใจอย่างแน่นอน เพราะด้วยการผลักดันอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่อดีต ทำให้ปัจจุบันอุตสาหกรรมบันเทิงเกาหลีใต้เติบโตไประดับโลก จนพูดได้ว่าสิ่งเหล่านี้เป็นมากกว่าสื่อบันเทิงแต่ K-Pop คือหนึ่งในวัฒนธรรมที่ทรงพลังที่สุดอย่างหนึ่งของเกาหลีใต้เลยก็ว่าได้ ทำให้ไม่ต้องแปลกใจหากจะเกิดกระแสไวรัลทั่วบ้านทั่วเมืองจากผลงานของศิลปินเหล่านี้ ประเทศไทยเองก็ได้รับอิทธิพลมาเต็ม ๆ ถ้าพูดถึงเทรนด์ที่ใครก็จำได้คงจะเป็นกางเกงขาเดฟหลากสีในเพลง Gee ของวง Girl’s Generation ที่วัยรุ่นสมัยนั้นต้องหาซื้อมาใส่กันให้ได้

เกาหลีใต้เต็มไปด้วยการพัฒนาทางนวัตกรรมและเทคโนโลยีอย่างไม่สิ้นสุด เป็นสิ่งที่รัฐบาลเกาหลีใต้ใช้เป็นนโยบายหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ประชาชน และประเทศ ด้วยการทุ่มเทสนับสนุนอย่างสุดตัวของรัฐบาลไปจนถึงภาคเอกชน ให้การส่งเสริมในด้านต่าง ๆ ทั้งเงินทุน โครงการวิจัยมากมายกับคนในประเทศที่สนใจเทคโนโลยีและนวัตกรรม วางรากฐานที่ดีที่สุดให้กับการศึกษา และให้ประชาชนสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีได้ในชีวิตประจำวัน เช่น เครือข่ายอินเทอเน็ตที่เร็วเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก ป้ายรถเมล์อัจฉริยะ ไปจนถึงการสร้าง Smart city  ไม่เพียงเท่านี้ยังปลูกฝังผ่านการใช้ media effect จึงไม่แปลกใจหากเราจะเห็นเรื่องราวนวัตกรรมและเทคโนโลยีของเกาหลีใต้อยู่ในอุตสาหกรรมบันเทิงเยอะมากขึ้นทุกวัน

 แม้ใครจะไม่ได้เป็นแฟนคลับตัวยงเกาหลีใต้ แต่ก็คงจะเคยได้ยินชื่อ เอสเอ็ม เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ (SM Entertainment) 1 ใน 3 บริษัทอุตสาหกรรมบันเทิงยักษ์ใหญ่ผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในเกาหลีใต้ ความพิเศษที่จะนำมาเล่าคือ SM Entertainment เป็นบริษัทที่นำเทคโนโลยีต่าง ๆ มาออกแบบเพิ่มประสบการณ์ให้กับแฟนคลับ และโลกของอุตสาหกรรมบันเทิงให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม

ปัจจุบัน SM ได้มีแนวคิดของบริษัทคือ The Future of Culture Technology แปลง่าย ๆ ก็คือ SM ได้พาวัฒนธรรม K-Pop มาเจอกับเทคโนโลยีนั่นเอง ซึ่งแต่เดิมนั้นแฟนคลับจะสามารถใกล้ชิด/ใช้เวลาร่วมกับศิลปินได้จำกัด เช่น เวลามีคอนเสิร์ต รายการเพลง หรืออีเวนต์ที่ทางค่ายจัดขึ้นเท่านั้น แต่พอเกิดเทคโนโลยีขึ้นมา SM ได้นำมาออกแบบประสบการณ์ เชื่อมต่อระหว่างศิลปินกับแฟนคลับให้มากยิ่งขึ้น สร้างประสบการณ์รูปแบบใหม่ให้กับวงการ K-Pop และต่อไปนี้คือตัวอย่างของการนำเทคโนโลยีมามอบประสบการณ์ที่เดิมไม่มีใครเคยให้ได้ ของ SM

เพราะระหว่างศิลปินและแฟนคลับนั้นคือความสัมพันธ์ที่เต็มไปด้วย emotion ความรัก อยากเจอ อยากใกล้ชิด แถมถ้าเทียบกับศิลปินทางฝั่งตะวันตกจะเห็นได้ชัดว่าฝั่ง K-Pop ให้ความสำคัญกับความผูกพันธ์ทางอารมณ์เหล่านี้มากกว่ามาก  SM จึงสร้าง SMTOWN COEX Artium ซึ่งเป็น brand commercial estate เปิดให้บริการที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เพื่อเป็นจุดหมายปลายทางให้เหล่าแฟนคลับทั่วโลกมาเติมเต็มความฝันที่เกิดจากความรักที่มีต่อศิลปิน  ด้วยความหลากหลายของบริการภายในไม่ว่าจะเป็นส่วนจัดแสดงสิ่งที่เกี่ยวกับศิลปิน SM เช่น ถ้วยรางวัล ชุดที่เคยใส่ในอัลบั้ม ส่วนของร้านค้าที่เต็มไปด้วยของที่ระลึก คาเฟ่ส่วนพื้นที่พบปะกันระหว่างแฟนคลับด้วยกัน หรือบางทีถ้าโชคดีก็อาจจะเจอศิลปินคนโปรดของคุณก็ได้

และแน่นอนว่า SM นั้นหลงใหลในเทคโนโลยีอย่างมาก ส่วนการบริการที่เป็นไฮไลท์สำคัญที่เราจะเล่าถึงนี้ เป็นการใช้เทคโนโลยีมาสร้างประสบการณ์ให้แฟนคลับได้รู้สึกใกล้ชิดกับศิลปินมากขึ้น เกิดจากความต้องการที่แฟนคลับอยากจะมี moment ดี ๆ ร่วมกับศิลปินเสมอ ซึ่งถึงแม้จะไม่ได้เจอตัวเป็น ๆ แต่ SM ก็ตอบโจทย์นี้ได้อย่างแปลกใหม่จริง ๆ  

หากเราพาไปที่ชั้น 6 ของ SMTOWN COEX Artium เราจะเจอกับส่วนของการให้บริการ VR theme park และ Memory Room นั่นเอง! 

ที่ที่แฟนคลับจะได้มีประสบการณ์ร่วมกับศิลปินได้ในโลกเสมือนจริง ให้แฟนคลับได้เล่นรถไฟเหาะ เที่ยวซาฟารี มีปฏิสัมพันธ์ และสร้างความทรงจำร่วมกับศิลปินของเขาด้วยเทคโนโลยี Virtual Interactive เติมเต็มประสบการณ์ของเหล่าแฟนคลับให้ดียิ่งขึ้นไปอีก

นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมอื่น ๆ ที่นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้ามาสานฝันแฟนคลับอีก เช่น แม้การมีรูปคู่กับศิลปินสักใบจะเคยเป็นเรื่องยาก แต่ในตึกแห่งนี้ก็มี AR Photo with Artist รอคุณอยู่ คุณจะสามารถมีรูปคู่ร่วมกับศิลปินในฉากของจริงที่ศิลปินเคยมา หรือจะเข้าไปชมละครเวทีจากศิลปิน SM ในโรงภาพยนตร์ Hologram ในแบบ Hybrid hologram เทคโนโลยีที่แรกของโลกก็สุดจะตื่นตาตื่นใจ

น่าเสียดายเล็กน้อยที่ปัจจุบัน SMTOWN COEX Artium นี้ปิดให้บริการ เพื่อย้ายไปบ้านใหม่ที่แว่วว่าคงจะอลังการและจัดเต็มประสบการณ์พร้อมเทคโนโลยียิ่งกว่าเก่า ซึ่งหากมีอะไรใหม่ที่น่าสนใจ เราจะไม่พลาดมาเล่าให้ฟังแน่นอน

ย้อนกลับไปยุคก่อน COVID-19 จะมา SM ก็ได้สร้างความฮือฮากับการออกแบบประสบการณ์การดูคอนเสิร์ตใหม่มาแล้ว การออกแบบนี้พัฒนาจาก insight ของวัฒนธรรมแฟนคลับเกาหลีที่ต้องโบกแท่งไฟในการชมคอนเสิร์ตซึ่งเป็นการมีส่วนร่วมระหว่างแฟนคลับและศิลปิน SM ได้สร้างระบบใหม่ให้กับแท่งไฟโดยเริ่มจากวง EXO เรียกง่ายๆว่าก็คือแท่งไฟอัจฉริยะ วิธีการทำงานก็ง่ายแสนง่าย แค่มีแท่งไฟกับแอพพลิเคชั่น แฟนคลับก็สามารถลงทะเบียนตำแหน่งที่นั่งในคอนเสิร์ต เมื่อถึงเวลาแสดงแท่งไฟก็จะถูกควบคุมผ่านระบบควบคุมศูนย์กลางของเวทีตลอดช่วงคอนเสิร์ต ทำให้สีของแท่งไฟในแต่ละจุดเปลี่ยนตามจังหวะเพลง ดนตรี โทนเสียงสูง-ต่ำ เป็นความสนุกสนานร่วมกันระหว่างแฟนคลับและศิลปินที่เข้าใจวัฒนธรรมการใช้แท่งไฟนี้ของแฟนคลับเกาหลีจริง ๆ ซึ่งเจ้าแท่งไฟอัจฉริยะนี้ก็ทำเอาแท่งไฟรุ่นเก่า ๆ ตกรุ่นไปหมดเลยทีเดียว

ต่อมาในยุค COVID-19 SM ได้สร้างแพลตฟอร์มคอนเสิร์ตคิดค่าบริการทางออนไลน์โดยเฉพาะครั้งแรกของโลก Beyond Live: Virtual Concert ที่เปิดหน้าประวัติศาสตร์ใหม่ของการรับชมคอนเสิร์ต SM มีการนำเทคโนโลยีหลากหลายรูปแบบมาใช้สร้างคอนเสิร์ตออนไลน์ให้ยังคง emotion ของความเป็นคอนเสิร์ตปกติก่อนหน้านี้อย่างเต็มเปี่ยม ทั้งการขึ้นจอฉายภาพแฟนคลับให้ได้โต้ตอบกันผ่านบริการล่ามแปลภาษา 

โดยไม่ลืมคิดถึงเอกลักษณ์ของการดูคอนเสิร์ตเกาหลีอย่างการโบกแท่งไฟ จึงได้เกิดบริการ Sync Play ระบบควบคุมแท่งไฟของแฟนคลับทางบ้านกับคอนเสิร์ตแบบ Real time ซึ่งสามารถใช้งานผ่านแอปพลิเคชัน Wyth แม้จะทดแทนกับประสบการณ์คอนเสิร์ตในยุคก่อน New Normal นี้ไม่ได้ แต่ประสบการณ์ใหม่ ๆ นี้ได้ทำให้เราเห็นถึงเทคโนโลยีที่ SM นำมาพัฒนาบริการให้กับแฟนคลับ K-Pop อยู่เสมอ เป็นตัวบ่งบอกได้ดีว่า SM Entertainment ได้นำทางอนาคตใหม่ให้อุตสาหกรรมบันเทิงเกาหลีอีกครั้ง

เรียกว่าไปต่อไม่มีหยุดจริง ๆ เมื่อ SM ได้ผุดโปรเจกต์ใหม่อย่าง SMCU หรือ SM Culture Universe ที่จะสร้างความบันเทิงแห่งโลกอนาคต เป็นโปรเจกต์การสร้างจักรวาลโลกเสมือนที่มีศิลปิน SM อยู่ในนั้น และศิลปินกลุ่มที่มีบทบาทมากที่สุด เปิดตัวมาด้วยนวัตกรรมแห่งโลกอนาคตก็คือ AESPA เกิร์ลกรุ๊ปใหม่ของ SM ที่มีสมาชิกวงที่เป็นอวาตาร์ รวมอยู่กับคนจริง เป็นแผนผลิตคอนเทนต์กิจกรรมที่หลากหลายยิ่งขึ้น ผ่านทั้งช่องทาง online-offline และผ่านศิลปินทั้งสองรูปแบบนี้ ด้วยเพราะศิลปินเกาหลีกับแฟนคลับมักจะติดต่อกันผ่านทางแพลตฟอร์มออนไลน์อยู่แล้ว นอกจากนี้ ทาง SM ก็มีไอเดียแง้มมาว่าหากเมื่อไหร่ที่สมาชิกวงคนจริงอยู่ในช่วงพักผ่อน สมาชิก Avatar ก็จะมาสื่อสารกับแฟน ๆ แทน  เพื่อให้ความรู้สึกใกล้ชิดระหว่างทั้งแฟนคลับกับศิลปินอยู่เสมอ 

ซึ่งในอนาคตเป็นที่น่าจับตามองว่า SM จะนำเทคโนโลยีหรือนวัตกรรมแบบไหนเข้ามาสร้างบริการใหม่ ๆ ให้เราได้มีประสบการณ์ที่พิเศษยิ่งขึ้นในอนาคต เป็นอีกการตอกย้ำว่าเกาหลีใต้คือผู้นำแถวหน้าของโลกทั้งด้านนวัตกรรม เทคโนโลยี และด้านวัฒนธรรมอย่าง K-Pop จริง ๆ

Cover Photo: instagram @smtownmuseum